บาคาร่าเจ้ามือจั่วหรือไม่จั่วดูยังไง บาคาร่า (Baccarat) เป็นเกมไพ่ที่มีกติกาและหลักการเดิมพันที่ทำความเข้าใจได้ไม่ยาก สำหรับผู้ที่พึ่งเริ่มต้นและอยากทำความเข้าใจกับบาคาร่า บาคาร่าออนไลน์เป็นเกมที่ได้รับความนิยมเนื่องจากเรียนรู้ง่ายและเป็นวิธีที่ดีมากสำหรับคนที่ต้องการความสนุกสนาน การเล่นบาคาร่าออนไลน์นำเสนอฟีเจอร์หรือคุณสมบัติที่หลากหลาย ซึ่งทำให้มันเป็นเกมที่น่าสนใจสำหรับผู้เล่น เช่น ความสามารถในการเล่นกับผู้เล่นคนอื่น ๆ จากทั่วทุกมุมโลก
สำหรับผู้เล่นที่ต้องการเล่นอย่างรวดเร็ว บาคาร่าออนไลน์เสนอทางเลือกในการเล่นที่รวดเร็วและซับซ้อนน้อยกว่าบาคาร่าแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ บาคาร่าออนไลน์ยังน่าดึงดูดเพราะให้โอกาสผู้เล่นที่จะได้เงินก้อนโต ด้วยความเป็นไปได้ของแจ็คพอตขนาดใหญ่ การเล่นบาคาร่าออนไลน์อาจเป็นวิธีที่น่าตื่นเต้นวิธีหนึ่งในการทำกำไรได้
ยิ่งไปกว่านั้น ยังสามารถเล่นบาคาร่าออนไลน์ได้ฟรีอีกด้วย ซึ่งเป็นวิธีที่ดีมากวิธีหนึ่งสำหรับผู้เริ่มต้นในการเรียนรู้เกมโดยไม่ต้องเสียเงิน คาสิโนจำนวนมากจะให้โบนัสการสมัครลงทะเบียนเมื่อคุณสร้างบัญชีครั้งแรก เช่นเดียวกับโบนัสเงินฝากครั้งแรกเมื่อคุณฝากเงินครั้งแรก นี่เป็นโอกาสให้คุณเล่นเกมใด ๆ ได้ฟรีเพื่อดูว่าคุณชอบเกมนั้นหรือไม่ ด้วยความนิยมของบาคาร่าออนไลน์ คาสิโนหลายแห่งเสนอโบนัสและโปรโมชันเพื่อกระตุ้นให้ผู้เล่นทดลองเล่นเกม สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเล่นบาคาร่า การเล่นบาคาร่าออนไลน์เป็นวิธีที่ดีมากเพื่อความสนุกสนานและเพิ่มโอกาสในการชนะรางวัล
นอกจากที่เราจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าบาคาร่าคืออะไร บางคนอาจจะสงสัยว่า กติกาเล่นบาคาร่า ในบางเดิมพันใช้แบบนึง พอไปอีกโต๊ะเดิมพันทำไมกติกาถึงไม่เหมือนกัน
ในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจไปพร้อมกันว่ากติกาบาคาร่าแท้จริงแล้วมีกฎและกติกาที่ถูกต้องอย่างไรบ้าง
เริ่มจากการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการแจกไพ่ใน 1 ขอนใช้ไพ่ 4 – 8 สำรับ (ขึ้นอยู่กับคาสิโน) โดยไพ่ทุกใบจะถูกแจกไปในแต่ละตำแหน่งรอบละ 6 ใบ จนกระทั่งถึงแผ่นปิดเกม (แผ่นกระดาษหรือพลาสติกสีแตกต่างกันไปตามแต่ละคาสิโน) เพื่อป้องกันการมองเห็นจากด้านข้างของขอนไพ่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แสดงให้ทราบว่านี่คือเกมสุดท้ายของขอนไพ่สำรับนี้
คาสิโนแต่ละแห่งจะมีวิธีการแจกไพ่ที่แตกต่างกันออกไป แต่เมื่อกล่าวโดยทั่วไปแล้ว_เราจะพบวิธีการแจกไพ่บาคาร่าด้วยกันหลักๆ 2 รูปแบบ
เมื่อเริ่มต้นเกม ดีลเลอร์จะดึงไพ่ออกจากขอนครั้งละ 1 ใบ ผ่านเซ็นเซอร์กล้อง เพื่อแสดงผลไพ่ทีละใบ
เมื่อแจกไพ่ครบ 4 ใบ แล้วมีผลแพ้ชนะเกิดขึ้นเกมจะจบลงทันที แต่ถ้ายังไม่สามารถระบุผลแพ้ชนะได้ จะต้องมีการแจกไพ่ใบที่ 5 และ 6 ซึ่งจะถูกแจกตามสถานการณ์ของแต้มที่ปรากฏในเกมนั้นๆ ซึ่งจะกล่าวโดยละเอียดในหัวข้อ กฎ
การจั่วไพ่และกฎการจั่วไพ่ใบที่ 3
เมื่อเริ่มต้นเกมดีลเลอร์จะทำการแจกไพ่แล้ววางในตำแหน่งจุดมาร์คทั้งหมด 6 จุด โดยไพ่ 4 ใบแรกจะวางอยู่ใน
การแจกไพ่ในลักษณะนี้ผู้เดิมพันจะเห็นตัวเซ็นเซอร์อยู่บริเวณเหนือตำแหน่งที่วางไพ่ ดีลเลอร์จะทำการเปิดไพ่พร้อมกันทีละ 2 ใบเริ่มจากฝั่งเพลเยอร์ตามด้วยแบงเกอร์ ถ้ายังไม่สามารถตัดสินผลแพ้ชนะได้จะต้องมีการจั่วไพ่ใบที่ 5 และใบที่ 6 ซึ่งจะอยู่ในจุดมาร์คที่เตรียมไว้
กรณีการแจกไพ่ 6 ใบพร้อมกันแบบนี้_ถ้าเกมจบด้วยไพ่เพียงแค่ 4 ใบส่วนไพ่ใบที่ 5 และใบที่ 6 ไม่ได้ถูกใช้งานในตาถัดไป ดีลเลอร์จะทำการดึงไพ่ 2 ใบนี้ไปวางในตำแหน่งของ ‘เพลเยอร์’ เพื่อใช้สำหรับการออกผลในรอบถัดไป
คาสิโนส่วนใหญ่ใช้วิธีนี้
การดึงไพ่ออกมาวางประจำจุดทั้ง 6 ใบก่อนเปิดไพ่เป็นวิธียอดฮิตเพราะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้เดิมพันได้ดีกว่า
เนื่องจากคาสิโนและดีลเลอร์จะมีโอกาสโกงได้ยากเพราะผู้เข้าร่วมเดิมพันทุกคนจะเห็นไพ่อยู่ประจำจุด ดังนั้นโอกาสที่จะมาเปลี่ยนไพ่หรือพลิกผลให้เป็นไปตามที่คาสิโนกำหนดเอาไว้ ‘แทบเป็นไปไม่ได้’
แต่มีวิธีอื่นที่คาสิโนป้องกันการโกงบาคาร่า คาสิโนมีการดำเนินการป้องกันการโกงบาคาร่ามาเป็นเวลานาน บาคาร่าเป็นเกมยอดนิยมในคาสิโนซึ่งก็มีเหตุผลสมควรอยู่ มันเป็นเกมแห่งโอกาสที่เรียนรู้ง่ายและเล่นสนุก แต่เนื่องจากมีเงินเดิมพันจำนวนมาก คาสิโนจึงต้องดำเนินการเพื่อป้องกันการโกง
ทางหนึ่งที่ป้องกันการโกงบาคาร่าก็คือ การใช้เครื่องสับไพ่อย่างต่อเนื่อง เครื่องนี้จะสับไพ่บาคาร่าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้เล่นไม่สามารถตามไพ่หรือใช้ระบบเพื่อระบุรูปแบบต่าง ๆ ได้ ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้แน่ใจว่าเกมมีความยุติธรรมและไม่มีใครสามารถมีข้อได้เปรียบที่ก่อให้เกิดความไม่ยุติธรรมได้ นอกจากนี้ คาสิโนยังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยตรวจสอบโต๊ะบาคาร่าด้วย พวกเขาจะตรวจสอบเฝ้าระวังสัญญาณของการโกง และหากสงสัยว่ามีคนโกง พวกเขาจะดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหานั้น
พวกเขายังอาจตรวจจับได้เมื่อมีคนนับไพ่ด้วย ซึ่งก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการโกง อีกวิธีหนึ่งที่คาสิโนป้องกันการโกงบาคาร่าคือ การใช้ไพ่หลายสำรับ ซึ่งทำให้ผู้เล่นตามไพ่ได้ยากขึ้นว่าไพ่ใบไหนถูกใช้ไปแล้วและใบไหนที่ยังคงเล่นอยู่ สิ่งนี้จะช่วยลดโอกาสที่ใครบางคนจะโกงบาคาร่าลงได้
รายละเอียดสำคัญของการเล่น บาคาร่า นั่นคือวิธีการวัดผลแพ้ชนะ ตัดสินกันที่ผลรวมของแต้มไพ่ที่เปิดออกมาในแต่ละฝั่ง (ใช้ผลรวมไพ่ 4 ใบ หรือ 6 ใบ แล้วแต่สถานการณ์)
ระบบทำการรวมแต้มไพ่ทั้ง 2 ฝั่ง แล้วเปรียบเทียบแต้มโดยยึดเอาผลเฉพาะหลักหน่วย ดังนั้นรายละเอียดสำคัญคือการที่ผู้เล่นจะต้องเข้าใจวิธีการนับแต้มไพ่ ซึ่งไพ่แต่ละใบก็จะมีมูลค่าที่แตกต่างกันตามรายละเอียดดังนี้
เมื่อเริ่มเกม ‘ดีลเลอร์’ จะทำการแจกไพ่ ตามกฎการแจกไพ่ของเกมบาคาร่าในแต่ละคาสิโนดังที่ได้กล่าวไปในหัวข้อข้างต้น ‘ผู้เดิมพัน’ ต้องทำการวางเดิมพันในตัวเลือกที่ต้องการ โดยวิธีการวางเดิมพันจะมีเงื่อนไขของเวลามาเป็นตัวกำหนด
โดยทั่วไปจะมีระยะเวลาให้วางเดิมพันที่ประมาณ 15 – 40 วินาที บนหน้าจอจะปรากฏการนับถอยหลังตลอดระยะเวลาที่อนุญาตให้ทำการวางเดิมพัน
เมื่อทำการวางเดิมพันเสร็จสิ้นระบบจะมีการแจ้งเตือนถึงการสิ้นสุดช่วงเวลาเดิมพัน จากนั้นดีลเลอร์จะทำการแจกไพ่โดยหงายหน้าไพ่สองใบต่อหน้าผู้เดิมพันทุกคน
โดยเริ่มจากการเปิดไพ่ในฝั่งเพลเยอร์ ตามด้วยแบงเกอร์ ฝั่งไหนที่มีแต้มใกล้เคียง 9 แต้มมากที่สุดจะเป็นฝ่ายชนะ ซึ่งวิธีการชนะจะให้ผลตอบแทนที่ไม่เท่ากัน
เคสที่ 1:ถ้าเพลเยอร์เป็นฝ่ายชนะ ฝ่ายเพลเยอร์จะได้รับผลตอบแทน 100 เปอร์เซ็นต์ของยอดเดิมพัน (1:1)
กรณีที่ 2: แต่ถ้าฝ่ายแบงเกอร์เป็นฝ่ายชนะ ฝ่ายแบงค์เกอร์จะได้รับผลตอบแทนคิดเป็น 95 เปอร์เซ็นต์ของยอดเดิมพันซึ่งเป็นผลลัพธ์ (1:0.95)
เคสที่ 3: แต่ถ้าหากผลออกมาเป็น ‘เสมอ’ เท่ากับการคืนเงินเดิมพันให้กับผู้เดิมพันทั้ง 2 ฝั่ง
หากผู้เล่นหรือเจ้ามือมีแต้มไพ่ 2 ใบแรกในทั้ง 2 ฝั่งเท่ากับ 8 แต้มหรือ 9 แต้ม จะเท่ากับผลชนะทันที แต่ถ้าทั้งสองฝั่งมีแต้มในมือรวมกันน้อยกว่าหรือเท่ากับ 5 ต้องมีการจั่วไพ่ใบที่ 3 เกิดขึ้น
ซึ่งรายละเอียดของการจั่วไพ่ใบที่ 3 จะมีกฏกติกาเฉพาะแยกออกไปดังรายละเอียดที่จะกล่าวในหัวข้อ กฎในการจั่วไพ่ และกฎการจั่วไพ่ใบที่ 3
กฎในการจั่วไพ่ใบที่ 3 จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อการเปิดไพ่ 2 ใบแรกที่เกิดขึ้นทั้ง 2 ฝั่งไม่สามารถที่จะให้ผลชนะได้ชัดเจน ซึ่งจะถูกแบ่งออกเป็น 2 กรณีดังนี้
หลักการวางเดิมพันนั้นมีอยู่ด้วยกันหลากหลายรูปแบบโดยตามหลักการที่ถูกต้องแล้วจะมีรูปแบบ กติกาบาคาร่า การวางเดิมพันอยู่ด้วยกันทั้งหมด 8 รูปแบบดังนี้
คือการคาดการณ์ว่า ฝั่งแบงค์เกอร์จะเป็นฝ่ายชนะ การคำนวณความน่าจะเป็นตามทฤษฎีพบว่าแบงค์เกอร์มีโอกาสชนะ 45.85 เปอร์เซ็นต์ โดยมีอัตราการจ่ายผลตอบแทนที่ 1: 0.95 เท่า
คือการคาดการณ์ว่า ฝั่งเพลเยอร์จะเป็นฝ่ายชนะ การคำนวณความน่าจะเป็นตามทฤษฎีพบว่าเพลเยอร์มีโอกาสชนะ 44.62 เปอร์เซ็นต์ โดยมีอัตราการจ่ายผลตอบแทนที่ 1:1 เท่า
คือการคาดการณ์ว่า ฝั่งเพลเยอร์และแบงค์เกอร์มีแต้มไพ่เท่ากัน ซึ่งโดยปกติแล้วการเดิมพันในลักษณะนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ 9.53 เปอร์เซ็นต์ โดยมีอัตราการจ่ายผลตอบแทนที่ 1: 8 เท่า
คือการคาดการณ์ว่าจะมีผลไพ่ 2 ใบแรกในฝั่งเพลเยอร์ มีแต้มที่เท่ากันโดยไม่ต้องสนใจว่าแต้มรวมทั้งหมดจะให้ผลแพ้หรือชนะโดยมีอัตราการจ่ายผลตอบแทนที่ 11 เท่า
คือการคาดการณ์ว่าจะมีผลไพ่ 2 ใบแรกในฝั่งแบงเกอร์มีแต้มที่เท่ากัน_โดยไม่ต้องสนใจว่าแต้มรวมทั้งหมดจะให้ผลแพ้หรือชนะ โดยมีอัตราการจ่ายผลตอบแทนที่ 11 เท่า
คือการคาดการณ์ว่าจะมีผลไพ่ 2 ใบแรกในฝั่งใดฝั่งหนึ่งมีแต้มที่เท่ากัน มีดอกที่เหมือนกัน โดยไม่ต้องสนใจว่าแต้มรวมทั้งหมดจะให้ผลแพ้หรือชนะ ตัวเลือกการเดิมพันแบบนี้จะวางเงินเดิมพันในช่อง Perfect Pair เพียงครั้งเดียว เดิมพันได้ทั้ง 2 ฝั่ง โดยมีอัตราการจ่ายผลตอบแทนที่ 20-25 เท่า แล้วแต่คาสิโน
คือการคาดการณ์จำนวนไพ่ที่เปิดในเกมแต่ละรอบ ซึ่งให้ความหมายว่า จำนวนไพ่ในแต่ละรอบการเดิมพันมีผลแพ้ชนะจากการเปิดไพ่รวมมากกว่า 4 ใบ โดยมีอัตราการจ่ายผลตอบแทนที่ 0.5 เท่า
คือการคาดการณ์จำนวนไพ่ที่เปิดในเกมแต่ละรอบ ซึ่งให้ความหมายในเชิงของการได้รับผลแพ้ชนะจากการเปิดไพ่มากกว่า 4 ใบ โดยมีอัตราการจ่ายผลตอบแทนที่ 1.5 เท่า